ในยุคที่ธุรกิจเสื้อผ้าสั่งผลิตตามแบบลูกค้า (custom apparel) เป็นที่นิยมในระดับหนึ่ง ดังนั้นเครื่องพิมพ์ DTF กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักที่ร้านสกรีนเสื้อจำนวนมากเลือกใช้ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถพิมพ์ลายเสื้อได้บนผ้าแทบทุกประเภท สีสันสดคมชัด พิมพ์ลายกราฟิกระดับยากได้ ขั้นตอนการผลิตสามารถทำหนึ่งตัวก็ได้ ตัวเครื่องมีให้เลือกตั้งแต่ตัวเล็กถึงใหญ่แบบร้านพวกอุตสาหกรรม จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ร้านสกรีนต่างๆ

ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึกระบบการทำงานของเครื่องพิมพ์ DTF ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมไฟล์จนถึงรีดลายลงเสื้อ พร้อมคำแนะนำในการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ และสิ่งสำคัญคือเทคนิคการดูแลรักษาเครื่องเพื่อให้เครื่องพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
เริ่มต้นจากไฟล์งาน ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นหัวใจของการพิมพ์ลายเสื้อ
กระบวนการสกรีนเสื้อด้วยระบบ DTF เริ่มจากการออกแบบลายพิมพ์ โดยใช้โปรแกรมกราฟิกยอดนิยม เช่น Adobe Photoshop หรือ Illustrator แล้วบันทึกเป็นไฟล์ PNG หรือ TIFF ที่มีพื้นหลังโปร่งใส ตรงจุดนี้ต้องเช็คพื้นหลังเพื่อความชัวร์ด้วย ถ้าพื้นหลังเป็นสีขาวไม่ใช่ใส สีขาวจะพิมพ์ติดออกมาด้วย ความละเอียดอย่างน้อย 300 DPI เพื่อให้ภาพคมชัดเมื่อพิมพ์ลงบนฟิล์ม
จากนั้นต้องนำไฟล์เข้าโปรแกรม RIP (Raster Image Processor) เช่น AcroRIP หรือ MainTop ซึ่งเป็นตัวแปลงข้อมูลให้เข้ากับหัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ DTF พร้อมทั้งควบคุมลำดับการพ่นสี โดยทั่วไปจะพิมพ์ชั้นสี (CMYK) ตามด้วยชั้นหมึกขาว (White Ink) เพื่อรองพื้นลายให้เด่นชัดแม้บนผ้าสีเข้ม ดังนั้นหมดห่วงเรื่องสีไม่ชัด หรือสีซีดได้เลย (กรณีที่ทำไฟล์มาถูกต้องและค่าสีถูกต้อง)
พิมพ์ลงบนฟิล์ม PET
เมื่อพร้อมแล้ว เครื่องพิมพ์ DTF จะเริ่มพ่นหมึกลงบนแผ่นฟิล์ม PET ซึ่งเป็นแผ่นใสเคลือบพิเศษที่ช่วยให้หมึกไม่ซึมเลอะหรือกระจายตัว ไม่ฟุ้งออกนอกกรอบกรณีตั้งเครื่องพิมพ์ถูกต้อง ฟิล์มนี้ออกแบบมาให้ทนความร้อน เพื่อรองรับการรีดลายลงผ้าในภายหลัง
หัวพิมพ์ (Printhead) ซึ่งมักใช้รุ่นยอดนิยม เช่น Epson i3200 หรือ XP600 จะพ่นหมึก CMYK และหมึกขาวลงบนฟิล์มด้วยความแม่นยำ ลายเหมือนบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ และระบบ heater ในเครื่องจะช่วยควบคุมอุณหภูมิให้หมึกแห้งในจังหวะที่เหมาะสมพอดิบพอดี
ร้านสกรีนเสื้อที่ต้องการคุณภาพสูงควรเลือกเครื่องพิมพ์ DTF ที่รองรับการพ่นหมึกละเอียดและรองรับพื้นที่การพิมพ์ขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถสกรีนเสื้อได้หลายแบบในครั้งเดียว
โรยผงกาวร้อน (Hot Melt Powder)
หลังจากพิมพ์ลายลงฟิล์มเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการโรยผงกาวร้อน ซึ่งมีลักษณะเป็นผงโพลีเมอร์สีขาวละเอียด โดยจะเกาะเฉพาะบริเวณที่มีหมึกบนฟิล์ม เพื่อทำหน้าที่เป็นกาวยึดติดกับเนื้อผ้า
เครื่องพิมพ์ DTF บางรุ่นมีระบบโรยกาวและเตาอบในตัว โดยใช้ลำเลียงฟิล์มเข้าสู่เตาอบที่มีอุณหภูมิประมาณ 110–130°C เพื่อให้ผงกาวละลายและเกาะแน่นบนลายพิมพ์ โดยไม่ไหลเยิ้มหรือจับตัวเป็นก้อน จะช่วยลดขั้นตอนการโรยผงกาวได้ เพราะเครื่องจะทำให้ระบบอัตโนมัติ
หากร้านสกรีนเสื้อของคุณยังใช้ระบบมือ โดยใช้คนโรยผงกาว ควรควบคุมปริมาณกาวให้สม่ำเสมอ และอย่าปล่อยให้ผงกาวเกาะเกินพื้นที่พิมพ์ เพราะจะทำให้ลายดูไม่เรียบได้
รีดลายลงผ้า
เป็นขั้นตอนที่ต้องอาศัยความแม่นยำ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนที่อาจเจอข้อผิดพลาดมากสุด เพราะลายอาจจะเอียงหรือไม่ตรงตำแหน่งได้ หรืออาจจะปรับเครื่องรีด แรงกด อุณหภูมิผิดพลาดได้
ขั้นตอนสำคัญที่สุดของกระบวนการสกรีนเสื้อด้วย DTF คือการใช้เครื่องรีด (heat press) รีดฟิล์มลงบนผ้า โดยค่ามาตรฐานคือ
อุณหภูมิ : 150–160°C
เวลา : 10–15 วินาที
แรงกด : ปานกลางถึงสูง
หลังจากรีดเสร็จ ต้องดูว่าฟิล์มของคุณใช้ระบบไหน ถ้าระบบลอกร้อนก็ลอกได้เลย ถ้าลอกอุ่นก็รอให้อุ่นค่อยลอก หรือรอให้ฟิล์มเย็นสนิท (cold peel) จึงค่อยลอกออก จะทำให้ลายติดเนียนกับผ้าโดยไม่ลอกล่อน
ร้านสกรีนเสื้อที่มีงานจำนวนมากต่อวัน ควรลงทุนเครื่อง heat press แบบ auto-open หรือ pneumatic เพื่อควบคุมแรงกดและเวลาได้แม่นยำ และลดความเสี่ยงลืมเวลารีด อีกอย่างคือถ้าใช้แรงมือคนกดอาจได้น้ำหนักไม่เท่ากันในแต่ละครั้ง
แต่ใช่ว่าจะกดครั้งเดียวแล้วจบ บางครั้งสามารถกดซ้ำเพื่อเพิ่มความทนทาน
หลังจากลอกฟิล์มออกแล้ว ควรรีดซ้ำอีกครั้งประมาณ 5–8 วินาที โดยใช้กระดาษไขหรือแผ่นเทฟลอนรองไว้ เพื่อให้ลายแนบสนิทกับเสื้อยิ่งขึ้น เพิ่มความทนทานต่อการซักและยืดอายุของลายพิมพ์ เพียงเท่านี้นเสื้อยืดสกรีนก็จะคงทนต่อการซักแบบถูกวิธีแล้ว
ข้อดีของการกดซ้ำนั้น ยังช่วยปรับผิวสัมผัสของลายให้เรียบเนียน ลดความมันเงา และให้สัมผัสธรรมชาติใกล้เคียงกับผ้าจริง

การดูแลรักษาเครื่องพิมพ์ DTF
หากคุณเป็นเจ้าของร้านสกรีนเสื้อและต้องการให้เครื่องพิมพ์ DTF ทำงานได้ยาวนาน จำเป็นต้องดูแลรักษาเครื่องอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในส่วนของหัวพิมพ์และระบบหมึก อย่าพิมพ์อย่างเดียวโดยละเลยจุดนี้เด็ดขาด เพราะถ้าหัวพิมพ์เสียหรือพังไวจะกระทบต่อขั้นตอนการทำงานได้
ขั้นตอนการดูแลรักษามีดังนี้
เปิดเครื่องให้พ่นน้ำหมึกทุกวัน แม้จะไม่ได้พิมพ์จริง
ล้างหัวพิมพ์และท่อน้ำหมึกทุกสัปดาห์
ตรวจสอบความชื้นในห้องพิมพ์และอย่าให้ฟิล์มโดนฝุ่นหรือความร้อนก่อนใช้งาน
อย่าใช้หมึกคนละยี่ห้อผสมกัน เพราะบางทีสารเคมีแต่ละตัวมาผสมกันอาจจะทำให้งานออกมาไม่ดี
การดูแลเครื่องพิมพ์ DTF อย่างถูกวิธี จะช่วยให้ร้านของคุณพิมพ์งานได้คมชัด ไม่มีเส้นขาด และลดต้นทุนซ่อมแซมในระยะยาว และลดโอกาสที่หัวพิมพ์พังทำให้ต้องเปลี่ยนหัวพิมพ์บ่อยครั้ง
ทำไมร้านสกรีนเสื้อควรเลือก DTF?
หลายร้านสกรีนเสื้อที่เคยใช้ระบบซิลค์สกรีนหรือ DTG ต่างหันมาใช้ระบบ DTF ด้วยเหตุผลดังนี้
สกรีนเสื้อได้เกือบทุกชนิดผ้า : Cotton, Polyester, TK, TC
ไม่มีขั้นต่ำ : รับพิมพ์ได้ตั้งแต่ 1 ตัวจนถึงหลักกี่ตัวก็ได้
สีสด คมชัด: โดยเฉพาะลายแนวกราฟิกหรือสีไล่เฉด แต่ละตัวจะได้งานภาพที่เหมือนกัน หรือสามารถลดขนาดไฟล์ภาพตามขนาดไซส์เสื้อได้ง่าย
ตั้งเวลาผลิตได้แม่นยำ : เหมาะกับร้านที่ต้องการบริหารงานหลายออเดอร์พร้อมกัน เพราะสามารถกะเวลาจากขั้นตอนการพิมพ์ รีดร้อนได้
คำแนะนำสำหรับร้านสกรีนเสื้อที่เริ่มต้นใช้ DTF
เริ่มจากเครื่องรุ่นกลางที่รองรับหัวพิมพ์ Epson XP600 จะคุ้มราคาที่สุด
ควบคุมอุณหภูมิในห้องพิมพ์ให้คงที่
สำรองฟิล์มและผงกาวไว้เสมอเพื่อรองรับงานเร่งด่วน
ฝึกใช้งานโปรแกรม RIP ให้คล่อง จะช่วยประหยัดหมึกได้มากในระยะยาว
สรุป
เครื่องพิมพ์ DTF คือเทคโนโลยีที่เปลี่ยนวิธีการสกรีนเสื้อแบบเดิม ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งขั้นตอนการทำงาน ทั้งการออกแบบลวดลายสำหรับสกรีนเสื้อ เหมาะกับร้านสกรีนเสื้อที่ต้องการพัฒนาคุณภาพและเพิ่มความเร็วในการผลิต ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ลายเสื้อ 1 ตัวหรืองานจำนวนมาก ระบบ DTF ก็รองรับได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณกำลังมองหาเครื่องพิมพ์ที่ใช้งานง่าย สีสวย คุ้มค่าต่อการลงทุน เครื่องพิมพ์ DTF คือคำตอบของธุรกิจสกรีนเสื้อในยุคปัจจุบัน