งานสกรีนเสื้อเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อทีม เสื้อกิจกรรม หรืองานแฟชั่น แต่ปัญหาที่หลายคนพบเจอคือ สีของงานสกรีนซีดจางลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อซักบ่อยครั้ง ทำให้เสื้อตัวโปรดไม่สดใสเหมือนเดิม ปัญหานี้สร้างความหงุดหงิดและลดความมั่นใจในการสวมใส่ แล้วจะมีวิธีป้องกันอย่างไรให้งานสกรีนยังคงสีสดใสแม้จะผ่านการซักมาหลายครั้ง?

บทความนี้จะพาคุณไปพบกับ 5 เทคนิคสำคัญที่จะช่วยยืดอายุงานสกรีนของคุณให้คงทน สีไม่ซีดเร็ว แม้จะซักบ่อยแค่ไหนก็ตาม!
1. เลือกประเภทหมึกสกรีนและเทคนิคที่เหมาะสม: หัวใจของการคงทน
ความทนทานของงานสกรีนเริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการผลิต การเลือกใช้ประเภทหมึกสกรีนและเทคนิคการสกรีนที่เหมาะสมกับเนื้อผ้าและวัตถุประสงค์การใช้งานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง หมึกสกรีนแต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไปในเรื่องของความยึดเกาะ ความยืดหยุ่น และความคงทนต่อการซัก
หมึก Plastisol (พลาสติซอล): เป็นหมึกที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายสำหรับงานสกรีนเสื้อผ้า เนื่องจากมีความทนทานสูง สีสดใส และยืดหยุ่นได้ดี เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความคงทนต่อการซักบ่อยครั้ง หมึกชนิดนี้จะเกาะอยู่บนเส้นใยผ้า ไม่ได้ซึมลงไป ทำให้สีไม่ซีดง่าย
หมึก Water-based (วอเตอร์เบส): เป็นหมึกที่มีเนื้อนิ่มและซึมลงสู่เส้นใยผ้า ทำให้งานสกรีนมีสัมผัสที่บางเบาและระบายอากาศได้ดีกว่า แต่โดยทั่วไปแล้วอาจจะมีความทนทานต่อการซักน้อยกว่าหมึก Plastisol หากไม่ได้ผ่านการอบที่อุณหภูมิและเวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม หมึก Water-based ชนิด High Performance ก็มีการพัฒนาให้ทนทานเทียบเท่าหมึก Plastisol แล้วเช่นกัน
เทคนิค DTG (Direct-to-Garment): การพิมพ์ตรงลงบนเนื้อผ้าด้วยระบบดิจิทัล ให้รายละเอียดสูง สีคมชัด แต่ความทนทานขึ้นอยู่กับคุณภาพหมึกและเครื่องพิมพ์ รวมถึงการดูแลรักษาหลังการใช้งาน
เทคนิค Heat Transfer (รีดร้อน): เป็นการพิมพ์ลวดลายลงบนแผ่นฟิล์มแล้วนำมารีดติดบนเสื้อด้วยความร้อน เทคนิคนี้สามารถให้สีที่สดใสและรายละเอียดที่ซับซ้อน แต่ความทนทานจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของฟิล์มและกาว รวมถึงอุณหภูมิและแรงกดในการรีด หากฟิล์มไม่มีคุณภาพหรือไม่ติดแน่นพอ อาจเกิดการลอกหรือแตกได้ง่าย
เคล็ดลับ: หากคุณเป็นผู้สั่งผลิตงานสกรีน ควรปรึกษาโรงงานสกรีนหรือร้านค้าที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อเลือกประเภทหมึกและเทคนิคที่เหมาะสมกับงบประมาณ ความต้องการ และความถี่ในการใช้งานของเสื้อ เพื่อให้ได้งานสกรีนที่มีคุณภาพและทนทานที่สุด
ทางร้านใช้วัตถุดิบมีคุณภาพทั้งฟิล์ม ผงกาว หมึก ผ่านการทดสอบการผลิต การเทสซัก และมีวิศวะคอยควบคุมดูแลเครื่องพิมพ์สม่ำเสมอ
2. แยกซักเสื้อสกรีนออกจากผ้าขาวและผ้าขึ้นขุย

เสื้อสกรีนไม่ควรถูกโยนรวมกับเสื้อขาวหรือผ้าที่มีขน เช่น ผ้าขนหนู กางเกงวอร์ม เพราะจะทำให้เกิดการเสียดสีมากขึ้น ลายสกรีนถูจนสีหลุดหรือด่างได้ง่าย และเสื้อสีเข้มอาจทำให้ผ้าขาวหมองเร็วด้วย
เคล็ดลับเพิ่มเติม:
ควรแยกเสื้อสกรีนสีเข้มกับเสื้อสกรีนสีอ่อน
คว่ำเสื้อกลับด้านก่อนซัก เพื่อลดแรงเสียดสีบริเวณงานสกรีน
3. กลับด้านเสื้อก่อนซัก: ปกป้องงานสกรีนจากการเสียดสี
นี่เป็นเทคนิคง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพสูงในการปกป้องงานสกรีนจากความเสียหายระหว่างการซัก การเสียดสีโดยตรงกับเสื้อผ้าชิ้นอื่นในเครื่องซักผ้า หรือแม้แต่กับถังซัก อาจทำให้งานสกรีนเกิดการขูดขีดหรือหลุดลอกได้ง่ายขึ้น
เมื่อคุณกลับด้านเสื้อก่อนนำลงเครื่องซักผ้า งานสกรีนจะถูกซ่อนอยู่ด้านใน ทำให้ลดการสัมผัสโดยตรงกับแรงเสียดทานต่างๆ ได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้งานสกรีนถูกเกี่ยวหรือดึงโดยส่วนอื่นๆ ของเครื่องซักผ้า หรือซิปและกระดุมของเสื้อผ้าชิ้นอื่น
ขั้นตอนง่ายๆ: ก่อนนำเสื้อที่มีงานสกรีนเข้าเครื่องซักผ้า เพียงแค่พลิกเสื้อกลับด้านในออกด้านนอกทุกครั้ง วิธีนี้จะช่วยถนอมสีและลายสกรีนให้คงทนอยู่กับคุณไปนานๆ
3. เลือกน้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยนและหลีกเลี่ยงสารฟอกขาว: ศัตรูตัวฉกาจของสีสกรีน

น้ำยาซักผ้าที่มีฤทธิ์รุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารฟอกขาว เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สีของงานสกรีนซีดจางลงอย่างรวดเร็ว สารเคมีเหล่านี้จะเข้าไปทำลายเม็ดสีในหมึกสกรีน ทำให้ความสดใสของสีลดลง และอาจทำให้งานสกรีนแข็งกระด้างหรือแตกได้
อุณหภูมิน้ำเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สีสกรีนซีดเร็ว โดยเฉพาะงานสกรีนที่เป็นระบบเฟล็กหรือ DTG น้ำร้อนสามารถทำให้สีหลุดออกจากเส้นใยผ้าได้เร็วมากขึ้น เช่นเดียวกับน้ำยาฟอกขาวที่ทำให้สีซีดและลายแตกในเวลาอันสั้น
เลือกน้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยน: มองหาน้ำยาซักผ้าที่ระบุว่า “สำหรับผ้าสี” “อ่อนโยน” หรือ “สำหรับเด็ก” ซึ่งจะมีส่วนผสมของสารเคมีที่อ่อนโยนกว่า และไม่ทำลายสีของผ้าและงานสกรีน
หลีกเลี่ยงสารฟอกขาวทุกชนิด: ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาฟอกขาวแบบคลอรีนหรือออกซิเจน เพราะสารฟอกขาวจะทำลายเม็ดสีอย่างรุนแรง ทำให้งานสกรีนซีดจางลงอย่างถาวร
ใช้น้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิปกติ: น้ำร้อนสามารถทำให้สีตกและทำลายความยืดหยุ่นของงานสกรีนได้ การใช้น้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิปกติในการซักจะช่วยถนอมสีและเนื้อผ้าได้ดีที่สุด
เคล็ดลับ: หากเสื้อมีคราบสกปรกฝังแน่น ควรใช้วิธีซักมือเฉพาะจุดด้วยน้ำยาซักผ้าอ่อนโยน แทนที่จะนำเข้าเครื่องซักผ้าด้วยน้ำยาซักผ้าที่มีฤทธิ์แรง
4. ไม่ควรขยี้แรงหรือปั่นด้วยรอบสูง

หลายคนเข้าใจผิดว่าการซักด้วยเครื่องปั่นแรง ๆ จะทำให้สะอาดกว่า แต่จริง ๆ แล้วการปั่นแรงทำให้เส้นด้ายและฟิล์มสกรีนเสียหายไวขึ้น โดยเฉพาะงานสกรีนเฟล็กจะเกิดรอยแตกง่าย ส่วนงาน DTG สีจะหลุดออกเป็นคราบด่างได้
วิธีดูแลที่ถูกต้อง:
ใช้โปรแกรมซักผ้าถนอม หรือรอบต่ำ (gentle wash)
ถ้าเป็นไปได้ แนะนำซักมือด้วยการบีบเบา ๆ แทนการขยี้ ถ้าใช้มืออย่าขยี้ผ้าแรงๆ โดยเด็ดขาด
5. งดใช้เครื่องอบผ้าและตากในที่ร่ม: ความร้อนคือตัวเร่งการซีดจาง
ความร้อนสูงจากเครื่องอบผ้าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เร่งให้งานสกรีนซีดจางและเสียหายได้ง่าย ความร้อนจะทำให้หมึกสกรีนหดตัว แข็งกระด้าง และแตกได้ง่าย นอกจากนี้ยังอาจทำให้สีกระจายตัวหรือเปลี่ยนสีได้
หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องอบผ้า: แม้จะสะดวกสบาย แต่เครื่องอบผ้าเป็นศัตรูตัวฉกาจของงานสกรีน ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องอบผ้าสำหรับเสื้อที่มีงานสกรีนทุกชนิด
ตากในที่ร่มและมีอากาศถ่ายเท: หลังจากซักเสร็จแล้ว ควรนำเสื้อไปตากในที่ร่มที่ลมโกรก เพื่อให้เสื้อแห้งเองตามธรรมชาติ แสงแดดโดยตรงก็เป็นอีกหนึ่งตัวการที่ทำให้สีซีดจางลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากรังสียูวีจะทำลายเม็ดสี ควรหลีกเลี่ยงการตากเสื้อที่มีงานสกรีนกลางแดดจัด
เคล็ดลับ: หากมีความจำเป็นต้องรีบใช้เสื้อจริงๆ และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเครื่องอบผ้า ให้ตั้งค่าอุณหภูมิให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอบในระยะเวลาที่สั้นที่สุด แต่ทางที่ดีที่สุดคือการตากแห้งตามธรรมชาติ
6. รีดจากด้านในและหลีกเลี่ยงการรีดทับลายสกรีนโดยตรง: ป้องกันความร้อนทำลาย

การรีดผ้าเป็นอีกขั้นตอนที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษสำหรับเสื้อที่มีงานสกรีน ความร้อนจากเตารีดสามารถทำลายงานสกรีนได้อย่างง่ายดาย ทำให้สีซีด แตก หรือแม้กระทั่งละลายติดกับเตารีด
รีดจากด้านใน: เมื่อต้องการรีดเสื้อที่มีงานสกรีน ให้กลับด้านเสื้อก่อนรีดเสมอ การรีดจากด้านในจะช่วยปกป้องงานสกรีนจากการสัมผัสความร้อนโดยตรงจากเตารีด
หลีกเลี่ยงการรีดทับลายสกรีนโดยตรง: หากจำเป็นต้องรีดบริเวณที่มีงานสกรีน ให้วางผ้าบางๆ เช่น ผ้าฝ้ายสะอาด หรือผ้าขนหนูบางๆ ทับลงบนลายสกรีนก่อนรีด เพื่อสร้างชั้นป้องกันความร้อน นอกจากนี้ควรใช้ความร้อนต่ำถึงปานกลาง และไม่ควรรีดค้างไว้นานๆ
งดการใช้ไอน้ำ: ไอน้ำร้อนสามารถทำให้หมึกสกรีนอ่อนตัวและเสียหายได้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงการใช้ฟังก์ชันไอน้ำเมื่อรีดเสื้อที่มีงานสกรีน
เคล็ดลับ: หากงานสกรีนมีลักษณะนูนหรือมีลวดลายซับซ้อนเป็นพิเศษ การนำเสื้อไปแขวนในห้องน้ำที่มีไอน้ำจากฝักบัวอาบน้ำร้อน จะช่วยให้รอยยับคลายตัวลงได้โดยไม่ต้องรีดโดยตรง
การดูแลรักษางานสกรีนให้คงทนและสีสดใสแม้จะผ่านการซักบ่อยครั้งไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ตั้งแต่การเลือกประเภทหมึกสกรีนและเทคนิคที่เหมาะสม ไปจนถึงการดูแลรักษาที่ถูกต้องในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการกลับด้านเสื้อก่อนซัก การเลือกใช้น้ำยาซักผ้าที่อ่อนโยน การงดใช้เครื่องอบผ้า และการรีดผ้าอย่างถูกวิธี เทคนิคทั้ง 6 ข้อนี้จะช่วยยืดอายุงานสกรีนบนเสื้อตัวโปรดของคุณ ให้คุณสามารถสวมใส่ได้อย่างมั่นใจและเพลิดเพลินกับความสดใสของสีสันไปได้อีกนาน
หากคุณเป็นคนที่ชอบเสื้อสกรีน หรือกำลังมองหาบริการสกรีนเสื้อคุณภาพที่สีติดทน ใช้เฟล็กหรือสีพิมพ์เกรดดี เราขอแนะนำให้เลือกร้านที่ใส่ใจวัสดุและคุณภาพตั้งแต่ต้น เพราะเสื้อดีตั้งแต่แรก ช่วยให้การดูแลง่ายขึ้นมาก